อาชีพแนวทางการสร้างรายได้ของผู้คนในชุมชนและสังคมนั้นมีความหลากหลายทางกายภาพแต่การประกอบอาชีพที่ทำให้ผู้คนในสังคมหรือชุมชนให้ประสบความสำเร็จได้นั้นต้องอาศัยองค์ประกอบการทำอาชีพในหลายด้านด้วยกันซึ่งพอแบ่งแยกออกเป็นข้อหลักๆเพื่อให้ผู้ที่คิดจะประกอบอาชีพได้ลองพิจารณาทบทวนความเหมาะสมก่อนที่จะเลือกทำอาชีพที่ตนถนัดและคิดว่ามีความสามารถในอาชีพที่จะเลือกได้พิจารณา เช่น สถานะทางสังคม,เงินทุน,ความรู้ด้านอาชีพ
1.สถานะทางสังคม สิ่งสำคัญที่จะกำหนดโอกาสความสำเร็จ,การเข้าถึงแหล่งเงินทุน,การได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐ สถานะทางสังคมมีอิทธิพลสูงมากสำหรับการเริ่มทำอาชีพและมีโอกาสได้รับความสำเร็จในอาชีพที่ทำ หากคุณสงสัยลองกลับไปพิจารณาดูจากประวัติผู้ที่พบกับความสำเร็จดังๆหลายคนในสังคมดูให้ละเอียดอย่าเพียงแต่ฟังเสียงคนพูดที่มักตัดตอนบางส่วนมาบอกเล่ากันต่อเท่านั้นแล้วคุณจะรู้ความจริงคนที่ประสบความสำเร็จแท้จริงแล้วมักเป็นคนที่มีพื้นฐานทางสังคมดีทั้งนั้น ไม่ว่าจะเกิดในตระกูลดีมีชื่อเสียง,เป็นคนพื้นเพที่มีอิทธิพลของชุมชน,เป็นคนที่ชอบคบค้าสมาคมกับคนหมู่มาก,เป็นคนชอบเลี้ยงคน,เป็นคนที่ชอบเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องฐานะทางสังคมที่มีโอกาสสร้างความสำเร็จให้กับคุณได้ แล้วคุณละมีสักเรื่องหรือไม่?
2.เงินทุน เงินใช้สำหรับการลงทุนและการสร้างฐานะทางสังคมให้กับคุณได้การมีเงินลงทุนจำนวนมากมายมหาศาลไม่ใช่เรื่องที่กำหนดได้ว่าธุรกิจคุณจะประสบความสำเร็จได้ บางคนมีเงินก้มหน้าก้มตาลงทุนทำอาชีพหวังจะประสบความสำเร็จแต่พอธุรกิจเป็นรูปเป็นร่างพอมองเห็นความสำเร็จได้ ธุรกิจหรืออาชีพของคุณก็จะพบกับปัญหาทั้งข้อร้องเรียน,การตรวจสอบจากหน่วยงานของรัฐ,การป่วนของบุคคลที่ไม่พึ่งปราถนาและอื่นๆอีกมากมายที่คุณจะพบเจอ ดังนั้นหากมีเงินพร้อมลงทุนลองแบ่งเงินออกเป็น 2 เรื่องสำหรับคนที่ยังไม่มีฐานะในสังคมส่วนคนที่มีฐานะในสังคมอยู่แล้วไม่ต้องบอกคุณก็ใช้ประโยชน์จากฐานะเป็นแน่นอน การแบ่งเงินออกเป็น 2 ก้อน ก้อนที่1.ใช้สร้างฐานะในสังคมก่อนลงทุนทำอาชีพที่ต้องการ ก้อนที่2.ใช้สำหรับการลงทุน
3.ความรู้ด้านอาชีพ ไม่ว่าคุณจะมีฐานะที่ดีมีชื่อเสียงในสังคมมากเท่าไรหรือเงินทุนมากมายมหาศาลเท่าใดก็ตามก็ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จได้หากปราศจากความรู้ความเข้าใจในอาชีพที่ทำได้ ดังนั้นความรู้คือหัวใจหลักสำคัญของการทำอาชีพก็ว่าได้
คำถาม หากคุณมีองค์ประกอบหลักด้านอาชีพครบ 3ด้าน คุณจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?
คำตอบ แทบเป็นไปไม่ได้สิ่งที่คุณได้ก็คงเพียงแค่ธรรมดาพื้นๆเหมือนคนทั่วไป คงไม่สามารถสร้างรายได้เป็นร้อยเป็นพันล้านได้
กลับสู่ด้านบนบทความ: องค์ประกอบการทำอาชีพ อาชีพในชุมชน OK WORK DEE
กลับสู่หน้าหลัก:อาชีพในชุมชน OK WORK DEE
สิ่งที่ท่านอาจสนใจ: อาชีพในชุมชน : ค้าขาย : อุตสาหกรรม : หัตถกรรม : เกษตรกรรม : บริการ
วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557
อาชีพอุตสาหกรรม อาชีพในชุมชน OK WORK DEE
อาชีพอุตสาหกรรมเป็นอาชีพที่มีความน่าสนใจสำหรับการลงทุนทำอาชีพโดยการมองหาวัตถุดิบในท้องถิ่นหรือในชุมชนมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ สร้างเอกลักษณ์ของสินค้าในรูปแบบเฉพาะตัวของชุมชน ความได้เปรียบของอุตสาหกรรมชุมชนคือการที่มีวัตถุดิบที่แตกต่างจากคนอื่นๆทำให้การแข่งขันอยู่ในระดับต่ำหากมีการวางแผนการผลิต,รูปแบบการจำหน่ายดีๆก็สามารถสร้างรายได้อย่างคาดไม่ถึงกันเลยที่เดี่ยว
องค์ประกอบการทำอาชีพอุตสาหกรรมในชุมชนนั้นต้องพิจารณาถึงวัตถุดิบที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนรวมถึงปริมาณผลผลิตของวัตถุดิบในชุมชนด้วยว่ามีมากเพียงพอกับความต้องการหรือไม่หรือสามารถผลิตเพิ่มได้หรือไม่ ปัจจุบันสินค้าเกษตรมีราคาไม่สูงมากนักหากเราจะทำอุตสาหกรรมในชุมชนเกี่ยวกับการแปรรูปสินค้าเกษตรก็จะสร้างมูลค่าได้ไม่น้อย ตัวอย่างอุตสาหกรรมในชุมชนที่ทำได้ง่าย เช่น
1.ข้าวสารบรรจุถุง ใช้ข้าวที่มีในชุมชนเป็นวัตถุดิบ ใช้โรงสีในชุมชนสำหรับแปรรูปและใช้ร้านค้าในชุมชนเป็นที่วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ การออกแบบตราสัญลักษณ์เน้นให้คนรับรู้ถึงแหล่งผลิตและที่มาของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก เช่น ใช้ชื่อหมู่บ้านหรือชื่อชุมชนเป็นตราสัญลักษณ์ หากผู้ทำอาชีพมีการประสานงานกับคนในชุมชนดีก็จะช่วยทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าข้าวสารบรรจุถุงที่วางจำหน่ายในท้องตลาด
ขบวนการคร่าวๆสำหรับการทำข้าวสารบรรจุถุง
1.ติดต่อโรงสี > 2.ติดต่อชาวนาในชุมชน > 3.ติดต่อร้านค้าเพื่อขอวางสินค้าจำหน่าย > 4.ผลิตถุงสำหรับบรรจุข้าวสาร > 5.บรรจุถุงนำออกวางในร้านค้าที่ติดต่อ
1.การติดต่อโรงสี เพื่อขอคิวการสีข้าวรวมทั้งปริมาณที่สามารถสีได้ เพื่อวางแผนการผลิต
2.การติดต่อชาวนาในชุมชน เพื่อตกลงซื้อขายพร้อมขอใช้ยุงฉางในการจัดเก็บข้าวเปลือก
3.ติดต่อร้านค้าในชุมชน เพื่อนำสินค้าวางจำหน่าย เพื่อทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้
4.ผลิตถุงที่มีตราสัญลักษณ์
5.บรรจุถุงและนำออกวางจำหน่ายในร้านที่เราติดต่อไว้
6.แนะนำเพิ่ม ให้ทำช่องทางการขายผ่านโซเซียลมีเดียต่างๆเพิ่มอีกเรื่อง
อุตสาหกรรมในชุมชนนั้นสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบลองมองหาวัตถุดิบในชุมชนที่มีแล้วประยุกต์และพิจารณาดูว่าสามารถทำได้และแข่งขันกับท้องตลาดได้อีกทั้งสามารถนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนเป็นตัวช่วยผลักดันสินค้า
Tag link OK WORK DEE:อาชีพในชุมชน : อุตสาหกรรม : อาชีพค้าขาย
องค์ประกอบการทำอาชีพอุตสาหกรรมในชุมชนนั้นต้องพิจารณาถึงวัตถุดิบที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนรวมถึงปริมาณผลผลิตของวัตถุดิบในชุมชนด้วยว่ามีมากเพียงพอกับความต้องการหรือไม่หรือสามารถผลิตเพิ่มได้หรือไม่ ปัจจุบันสินค้าเกษตรมีราคาไม่สูงมากนักหากเราจะทำอุตสาหกรรมในชุมชนเกี่ยวกับการแปรรูปสินค้าเกษตรก็จะสร้างมูลค่าได้ไม่น้อย ตัวอย่างอุตสาหกรรมในชุมชนที่ทำได้ง่าย เช่น
1.ข้าวสารบรรจุถุง ใช้ข้าวที่มีในชุมชนเป็นวัตถุดิบ ใช้โรงสีในชุมชนสำหรับแปรรูปและใช้ร้านค้าในชุมชนเป็นที่วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ การออกแบบตราสัญลักษณ์เน้นให้คนรับรู้ถึงแหล่งผลิตและที่มาของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก เช่น ใช้ชื่อหมู่บ้านหรือชื่อชุมชนเป็นตราสัญลักษณ์ หากผู้ทำอาชีพมีการประสานงานกับคนในชุมชนดีก็จะช่วยทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าข้าวสารบรรจุถุงที่วางจำหน่ายในท้องตลาด
ขบวนการคร่าวๆสำหรับการทำข้าวสารบรรจุถุง
1.ติดต่อโรงสี > 2.ติดต่อชาวนาในชุมชน > 3.ติดต่อร้านค้าเพื่อขอวางสินค้าจำหน่าย > 4.ผลิตถุงสำหรับบรรจุข้าวสาร > 5.บรรจุถุงนำออกวางในร้านค้าที่ติดต่อ
1.การติดต่อโรงสี เพื่อขอคิวการสีข้าวรวมทั้งปริมาณที่สามารถสีได้ เพื่อวางแผนการผลิต
2.การติดต่อชาวนาในชุมชน เพื่อตกลงซื้อขายพร้อมขอใช้ยุงฉางในการจัดเก็บข้าวเปลือก
3.ติดต่อร้านค้าในชุมชน เพื่อนำสินค้าวางจำหน่าย เพื่อทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้
4.ผลิตถุงที่มีตราสัญลักษณ์
5.บรรจุถุงและนำออกวางจำหน่ายในร้านที่เราติดต่อไว้
6.แนะนำเพิ่ม ให้ทำช่องทางการขายผ่านโซเซียลมีเดียต่างๆเพิ่มอีกเรื่อง
อุตสาหกรรมในชุมชนนั้นสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบลองมองหาวัตถุดิบในชุมชนที่มีแล้วประยุกต์และพิจารณาดูว่าสามารถทำได้และแข่งขันกับท้องตลาดได้อีกทั้งสามารถนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนเป็นตัวช่วยผลักดันสินค้า
Tag link OK WORK DEE:อาชีพในชุมชน : อุตสาหกรรม : อาชีพค้าขาย
อาชีพเกษตรกรรม อาชีพในชุมชน OK WORK DEE
อาชีพในชุมชน-OK WORK DEE บทความเกี่ยวกับ อาชีพเกษตร หรือ การทำอาชีพเกษตรกรรม ถือเป็นอาชีพที่มีความสำคัญสำหรับประเทศชาติและประชาชนเป็นอย่างมาก สินค้าทางการเกษตรคือวัตถุดิบหลักที่สำคัญที่ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในชาติ จะว่าไปแล้วการทำการเกษตรถือหัวใจของทุกอาชีพก็ว่าได้สำหรับประเทศของเราๆลองนึกดูว่าหากไม่มีผลิตภัณฑ์จากการเกษตรเราจะทำอาชีพอะไรได้บ้าง ผู้เขียนก็ยังนึกไม่ออกว่าประเทศของเราจะมีอาชีพอะไรให้ทำกันก็คงเหลือแต่อาชีพเดียวที่น่าจะทำได้คืออาชีพที่รอเป็นลูกจ้างให้นายทุนจากต่างชาติมาลงทุนแล้วเราก็ไปเป็นลูกจ้างของเขาก็เท่านั้น แต่การที่นายทุนเขาจะมาลงทุนนั้นต้องหมายความว่าเขาได้ผลประโยชน์หรือผลกำไรเท่านั้นที่เขาถึงจะสนใจมาลงทุนในบ้านเรา เพราะฉะนั้นก็หมายความว่าหน่วยงานของรัฐต้องเสนอผลประโยชน์ให้เขามากหมายเพื่อดึงให้เขาเข้ามาลงทุน จะว่าไปแล้วก็แปลกดีที่ประเทศของเราอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและภูมิปัญญาทางการเกษตรมากมายสามารถผลิตพืชผลทางการเกษตรได้หลากหลายแต่กลับไม่มีการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจังส่วนมากที่มีก็เป็นแบบรูปหน้าปะจมูกเสียมากขาดรูปธรรมหรืออาจจะมีหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่เท่าที่ทราบผู้เขียนยังมองไม่เห็นเลยว่ามีอะไรที่เป็นรูปธรรมจริงๆจังๆ เคยมีคนบอกกับผู้เขียนเหมือนกันว่าหากรัฐจะทำในเรื่องต่อไปนี้เป็นการแข่งขันกับภาคเอกชนไม่เหมาะสมที่จะทำ ผู้เขียนก็เลยถามต่อว่าประชาชนคนไทยเป็นของประเทศไทย หรือเป็นของนายทุนถึงได้มีความคิดกันแบบนี้ ลองมองย้อนกลับไปที่ประเทศที่ถูกมองว่าเป็นประเทศไม่มีการพัฒนาไม่มีเสรีภาพดูบ้างตอนนี้เขาอยู่ในฐานะไหนกันแล้ว ทำไมไม่มองถึงประชาชนเป็นตัวตั้ง วันนี้สินค้าเกษตรอย่างยางพารามีปัญหาทำไม่มีคิดที่จะสร้างศูนย์แปรรูปยางแบบครบวงจรโดยภาครัฐบ้าง คิดให้ใหญ่ คิดให้ไกล ถึงขนาดการเป็นเอเย่นรายใหญ่ในรับซื้อสินค้าเกษตรอย่างยางกันไปเลย แล้วนำเอามันมาแปรรูปต่างๆส่งกลับไปขายในประเทศต่างๆกัน ให้เขาได้รับรู้บ้างว่ารัฐไทยก็มีศักยภาพที่จะแข่งขันอะไรกับเขาได้บ้างเหมือนกัน ผู้เขียนลองคิดดูว่าการลงทุนทำศูนย์แปรรูปยางครบวงจรมีงบประมาณสัก 1ล้านล้านบาท รัฐกู้เงินมาลงทุนเป็นของรัฐเป็นของประเทศเองใช้หนี้คืนก็คงไม่ถึง 20 ปีน้อยกว่าการกู้เงินซื้อบ้านของผู้เขียนเสียอีก หากเราทำเราเป็นผู้กำหนดราคาเองไม่ดีตรงไหน โลกสมัยเปลี่ยนไปยางมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆแต่กลับมีราคาถูกลงทุกวันเพราะนายทุนเป็นคนกำหนดราคา แล้วใครได้ผลประโยชน์ลองคิดกันดูบ้าง นี้เป็นเพียงสินค้าทางการเกษตร 1 อย่างเท่านั้น ยังมีสินค้าที่สามารถทำได้เป็นร้อยเป็นพันเรื่องแต่จะว่าไปแล้วมันก็ยากที่จะทำช่างเหอะขอพักไว้ก่อน เราไปดูเรื่องที่เกี่ยวกับอาชีพเกษตรกันดีกว่าว่ามีอะไรที่สำคัญบ้าง เอาละว่ากันนอกเรื่องมามากผู้เขียนมองว่าไม่ต้องรอคอยความหวังจากใคร่มาช่วยเราลองหันมาพึ่งพากันในชุมชนอาศัยสถิปัญญาที่มีในชุมชนบวกกับภูมิปัญญาอันปราถเปรื่องของบรรพบุรุษมาใช้แก้วิกฤตปัญหาราคาสินค้าการเกษตรกันดูว่ามีใคร่ที่จะเห็นด้วยกับผู้เขียนบ้าง
1.กลับสู่รากเหง่าเพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลกำไร จากเดิมการเกษตรเราทำกันแบบธรรมชาติอาศัยระบบของธรรมชาติในการผลิตและป้องกันผลผลิต กล่าวคือ
1.1.ใช้แรงงานสัตว์(ควาย,วัว)ในการพลิกพื้นดินเพื่อทำการเกษตร
1.2.ใช้วิธีการเลี้ยงปล่อยสัตว์น้ำ(ปลา,กบ,เขียด) เพื่อกำจัดศัตรูพืชอย่างเพลี้ยและแมลง
1.3.ปลูกพืชตระกูลสะเดา ตะโก มะขาม มะกรูด เพื่อป้องกันเพลี้ยบางประเภทแถมเป็นรายได้เสริมได้เป็นอย่างดีจากการเก็บผลผลิตจำหน่าย
1.4.จัดกลุ่มแปรรูปเพื่อจำหน่ายสินค้าตรงให้กับผู้บริโภคโดยตรง โดยการอาศัย Social media ในการประกาศขายสินค้า
1.5.จัดทำการตลาดแบบแบ่งปั้นเพื่อเพิ่มฐานผู้สนใจหารายได้เสริมช่วยทำตลาด(ขาย)ให้เรา
นี้คือ 5 หลักการสำหรับการทำเกษตรในชุมชนให้มีกำไรและกำหนดราคาเองได้ หลายคนอาจกังวนเดียวลองดูหลักการแนวคิดของนายทุนที่ผู้เขียนทำงานอยู่ด้วยว่าเขาคิดอย่างไร
*เขาไม่สนจำนวนที่จะขาย แต่ เขาสนใจว่ามันจะขายได้เท่าไร
*เขาไม่สนใจว่าขายได้มากเท่าไร แต่ เขาสนใจว่าขายแล้วได้กำไรเท่าไร
*เขาไม่สนใจว่าจะมีสินค้าขายหรือไม่ แต่ เขาสนใจใครจะซื้ออะไร
*เขาไม่สนใจว่าจะมีลูกค้าซื้อเขาหรือไม่ แต่ เขาสนใจว่าสินค้าขายไม่ได้แล้วมูลค่าจะเหลือเท่าไร
แหละนี้คือ 4 ข้อที่พวกเราได้ยินจากคำพูดเขาแทบทุกวัน เพราะฉะนั้นลองดูหากเราจะปรับเปลี่ยนวิธีของเราเกี่ยวกับการเกษตรโดยหลักการที่อยากให้คิดกันก็คือ พยามคิดวิธีที่จะสลัดพ่อค้าคนกลางออกจจากวงจรสินค้าให้ได้สินค้าก็จะมีราคาสูงขึ้นเองโดยธรรมชาติ จากประสบการผู้เขียนเคยเจอปัญหาราคาสินค้าตกต่ำจนถึงขั้นขาดทุน ผู้เขียนได้รับคำแนะนำจากผู้รู้เลยลองตัดพ่อค้าคนกลางออกโดยการไม่ปล่อยให้สินค้าไปตกอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนราคาสินค้ากลับมามีราคาสูงขึ้นหลังจากนั้นผู้เขียนไม่เคยปล่อยให้สินค้าอยู่ในมือพ่อค้าคนกลางอีกเลยแต่หันมาหาสมาชิกร่วมค้าขายในรายเล็กๆแทน ทุกวันราคาสินค้าดีมีการปรับขึ้นลงอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นอยากให้ลองใช้กันดูโดยเริ่มจากการแบ่งผลผลิตออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่1.ขายให้กับพ่อค้าคนกลางเหมือนเดิม ส่วนที่2.นำมาแปรรูปและวางจำหน่ายกันเองโดยการร่วมกลุ่มกัน หากตั้งใจแล้วมีปัญหาสามารถติดต่อสอบถามมาที่ผู้เขียนยินดีเป็นผู้ช่วยให้กับทุกคน
ท้ายนี้เรื่องอยากฝากสำหรับผู้ทำอาชีพเกษตรกรรม
1.ต้นทุน อย่าได้ลงทุนกับต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร เช่น เครื่องจักร ,ยากำจัดศัตรูพืช, ปุ๋ย,และสารเคมีทุกชนิด เพราะสิ่งเหล่านี้อาจให้ผลผลิตที่สูงขึ้นบ้างก็จริงแต่ไม่มีหลักประกันว่าสามารถทำให้คุณมีกำไรเพิ่มได้เลย
2.การทำการผลิต ต้องแบ่งเป็น 2เรื่อง 1.ผลผลิตเพื่อรายจ่ายประจำวัน 2.ผลผลิตเพื่อเป็นเงินเก็บออม
3.อย่ามุ่งเน้นปริมาณ ให้มุ่งเน้นคุณภาพแทน เพราะหากผลผลิตออกมาได้มากก็จะเป็นข้ออ้างให้พ่อค้าคนกลางกดราคา ดังนั้นต้องเรียนรู้การปล่อยผลผลิตเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นระบบและเรากำหนดได้
4.แปรรูป สำคัญมากการตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมในชุมชนเพื่อแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าและเป็นการลดปริมาณเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านราคา ยกตัวอย่าง หากมีสินค้า 10 ชิ้น มีคนต้องการแค่ 3 คนก็ย่อมทำให้ราคาสินค้ามีราคาถูก แต่หากกลับกัน สินค้ามี 3ชิ้น แต่มีคนต้องการ 10 คน ราคาย่อมสูงขึ้นแน่นอน ( ทางการค้าเรียกว่า Demand and Supply )
1.กลับสู่รากเหง่าเพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลกำไร จากเดิมการเกษตรเราทำกันแบบธรรมชาติอาศัยระบบของธรรมชาติในการผลิตและป้องกันผลผลิต กล่าวคือ
1.1.ใช้แรงงานสัตว์(ควาย,วัว)ในการพลิกพื้นดินเพื่อทำการเกษตร
1.2.ใช้วิธีการเลี้ยงปล่อยสัตว์น้ำ(ปลา,กบ,เขียด) เพื่อกำจัดศัตรูพืชอย่างเพลี้ยและแมลง
1.3.ปลูกพืชตระกูลสะเดา ตะโก มะขาม มะกรูด เพื่อป้องกันเพลี้ยบางประเภทแถมเป็นรายได้เสริมได้เป็นอย่างดีจากการเก็บผลผลิตจำหน่าย
1.4.จัดกลุ่มแปรรูปเพื่อจำหน่ายสินค้าตรงให้กับผู้บริโภคโดยตรง โดยการอาศัย Social media ในการประกาศขายสินค้า
1.5.จัดทำการตลาดแบบแบ่งปั้นเพื่อเพิ่มฐานผู้สนใจหารายได้เสริมช่วยทำตลาด(ขาย)ให้เรา
นี้คือ 5 หลักการสำหรับการทำเกษตรในชุมชนให้มีกำไรและกำหนดราคาเองได้ หลายคนอาจกังวนเดียวลองดูหลักการแนวคิดของนายทุนที่ผู้เขียนทำงานอยู่ด้วยว่าเขาคิดอย่างไร
*เขาไม่สนจำนวนที่จะขาย แต่ เขาสนใจว่ามันจะขายได้เท่าไร
*เขาไม่สนใจว่าขายได้มากเท่าไร แต่ เขาสนใจว่าขายแล้วได้กำไรเท่าไร
*เขาไม่สนใจว่าจะมีสินค้าขายหรือไม่ แต่ เขาสนใจใครจะซื้ออะไร
*เขาไม่สนใจว่าจะมีลูกค้าซื้อเขาหรือไม่ แต่ เขาสนใจว่าสินค้าขายไม่ได้แล้วมูลค่าจะเหลือเท่าไร
แหละนี้คือ 4 ข้อที่พวกเราได้ยินจากคำพูดเขาแทบทุกวัน เพราะฉะนั้นลองดูหากเราจะปรับเปลี่ยนวิธีของเราเกี่ยวกับการเกษตรโดยหลักการที่อยากให้คิดกันก็คือ พยามคิดวิธีที่จะสลัดพ่อค้าคนกลางออกจจากวงจรสินค้าให้ได้สินค้าก็จะมีราคาสูงขึ้นเองโดยธรรมชาติ จากประสบการผู้เขียนเคยเจอปัญหาราคาสินค้าตกต่ำจนถึงขั้นขาดทุน ผู้เขียนได้รับคำแนะนำจากผู้รู้เลยลองตัดพ่อค้าคนกลางออกโดยการไม่ปล่อยให้สินค้าไปตกอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนราคาสินค้ากลับมามีราคาสูงขึ้นหลังจากนั้นผู้เขียนไม่เคยปล่อยให้สินค้าอยู่ในมือพ่อค้าคนกลางอีกเลยแต่หันมาหาสมาชิกร่วมค้าขายในรายเล็กๆแทน ทุกวันราคาสินค้าดีมีการปรับขึ้นลงอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นอยากให้ลองใช้กันดูโดยเริ่มจากการแบ่งผลผลิตออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่1.ขายให้กับพ่อค้าคนกลางเหมือนเดิม ส่วนที่2.นำมาแปรรูปและวางจำหน่ายกันเองโดยการร่วมกลุ่มกัน หากตั้งใจแล้วมีปัญหาสามารถติดต่อสอบถามมาที่ผู้เขียนยินดีเป็นผู้ช่วยให้กับทุกคน
ท้ายนี้เรื่องอยากฝากสำหรับผู้ทำอาชีพเกษตรกรรม
1.ต้นทุน อย่าได้ลงทุนกับต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร เช่น เครื่องจักร ,ยากำจัดศัตรูพืช, ปุ๋ย,และสารเคมีทุกชนิด เพราะสิ่งเหล่านี้อาจให้ผลผลิตที่สูงขึ้นบ้างก็จริงแต่ไม่มีหลักประกันว่าสามารถทำให้คุณมีกำไรเพิ่มได้เลย
2.การทำการผลิต ต้องแบ่งเป็น 2เรื่อง 1.ผลผลิตเพื่อรายจ่ายประจำวัน 2.ผลผลิตเพื่อเป็นเงินเก็บออม
3.อย่ามุ่งเน้นปริมาณ ให้มุ่งเน้นคุณภาพแทน เพราะหากผลผลิตออกมาได้มากก็จะเป็นข้ออ้างให้พ่อค้าคนกลางกดราคา ดังนั้นต้องเรียนรู้การปล่อยผลผลิตเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นระบบและเรากำหนดได้
4.แปรรูป สำคัญมากการตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมในชุมชนเพื่อแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าและเป็นการลดปริมาณเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านราคา ยกตัวอย่าง หากมีสินค้า 10 ชิ้น มีคนต้องการแค่ 3 คนก็ย่อมทำให้ราคาสินค้ามีราคาถูก แต่หากกลับกัน สินค้ามี 3ชิ้น แต่มีคนต้องการ 10 คน ราคาย่อมสูงขึ้นแน่นอน ( ทางการค้าเรียกว่า Demand and Supply )
หน้าค้นหาอาชีพในชุมชน: OK WORK DEE
Tag link OK WORK DEE:อาชีพในชุมชน : อาชีพเกษตรกรรม : อาชีพค้าขาย : อาชีพบริการ : อาชีพหัตถกรรม : อาชีพอุตสาหกรรม
อาชีพค้าขาย อาชีพในชุมชน OK WORK DEE
อาชีพค้าขาย อาชีพที่มีในชุมชนทุกชุมชนแต่ในปัจจุบันการทำอาชีพนี้ของคนในชุมชนมักเป็นการทำอาชีพเพียงแค่เป็นอาชีพเสริมของคุณแม่บ้านที่อยู่กันว่างๆเท่านั้นมีน้อยคนนักที่จะยึดอาชีพนี้เป็นอาชีพหลักเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่ตัวหรือครอบครัว การทำอาชีพนี้ในชุมชนในปัจจุบันถือเป็นเรื่องลำบากมากเพราะร้านสะดวกซื้อของบรรดาเหล่านายทุนได้รุกนักเข้าหยึดทุกหัวระแหงของชุมชนทำให้ร้านค้าขายในชุมชนได้รับผลกระทบกันถ้วนทั่วหน้า จริงๆแล้วหากร้านค้าในชุมชนคิดจะต่อกรกับบรรดาร้านสะดวกซื้อก็ใช่ว่าจะไม่มีหวัง วันนี้บล็อก ok work dee จะนำความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจค้าปลีกมาแบ่งปันซึ่งเป็นประสบการณ์จากการทำงานและติดต่อค้าขายกับคนที่ทำธุรกิจค้าปลีกรายย่อย ก่อนอื่นๆเราต้องเรียนรู้จุดอ่อนของธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่และร้านสะดวกซื้อกันก่อนว่ามีจุดอ่อนทางอาชีพอย่างไร
จุดอ่อนของธุรกิจค้าปลีกและร้านสะดวกซื้อ
1.มีต้นทุนค่าใช้จ่ายรายเดือนสูง พวกเขาจึงมีเป้าหมายของยอดขายที่สูง เขาจะมีความกระหายที่จะได้ยอดขายหากมีโอกาสพวกกเขาจะพยามหา Promotion ดีๆมาเรียกลูกค้าอยู่เสมอ "ตรงนี้เราใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้โดยการเป็นพันธมิตรทางการค้า(merchant partners)ของเขาโดยเสนอความต้องการซื้อสินค้าที่เราต้องการและราคาที่เรายอมรับได้ซึ่งพวกเขาจะพยายามเต็มที่ด้วยทุกวิธีการเพื่อให้ได้ตามเงื่อนไขของเราเพราะเป็นสิ่งที่เขาจะได้ยอดขายดังนั้นไม่ต้องห่วงหากเรายื่นข้อเสนอไปรับรองเราได้ผลประโยชน์ดีแน่นอน(การซื้อขายแบบนี้อาจต้องจำนวนมากหน่อยแต่รับรองราคาดีและถูกกว่าซื้อกับบริษัทผู้ผลิตโดยตรงแน่นอนและจงจำไว้อย่างเดียวว่าเราต้องเสนอเงื่อนไขราคาที่ต่ำกว่าราคาที่บริษัทเสนอและพยามจำราคาที่ต่ำสุดที่เขาเคยขายไว้ให้ได้เพื่อเป็นราคากำหนดในการเสนอซื้อให้กับพวกเขา) เท่านี้เราก็จะได้สินค้าดีราคาถูกไว้ต่อกรกับพวกเขาได้แล้วเพราะเมื่อเราซื้อจากเขาในราคาต่ำกว่าที่เขาขายจริงเราก็สามารถขายได้ในราคาที่ถูกกว่าเขา สุภาษิตไทยบอกไว้ว่าหนามหยอกต้องเอาหนามบ่ง ในเมื่อเขาซื้อสินค้าได้ถูกกว่าเราๆก็ซื้อต่อเขาในฐานะพันธมิตรทางการค้า(merchant partners)ในราคาที่ถูกกว่าเขาขายจริงแล้วเราก็นำมาตั้งราคาที่ถูกกว่าเขาอีกต่อหนึ่ง เท่านี้ลูกค้าจะซื้อสินค้ากับใครท่านลองคิดดู
2.ซื้อสินค้า Promotion จากเขาหากเราไม่สามารถซื้อจากบริษัทได้ในราคาที่ถูกกว่าพวกเขาขายปลีก วัตถุประสงค์เพื่อ A.ลดยอดขายของบริษัทผู้ผลิตในเมื่อเราไม่ซื้อจากบริษัทผู้ผลิต ผู็ผลิตก็ย่อมมียอดขายลดลงซึ่งจะส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตหันมาให้ข้อเสนอที่ดีแก่เราในอนาคตแน่นอน B.เพื่อตั้งราคาขายเดี่ยวกันกับพวกเขาหรือที่เรียกกันในหมู่คนทำอาชีพค้าปลีกว่าชนราคา ดังนั้นเราต้องซื้อสินค้าโปรโมชั่นจากเขาโดยอาศัยเทคนิคในหัวข้อที่1 เพื่อรักษาระดับต้นทุนและผลการขาดทุนของเราโดยใช้พวกเขาเป็นฐานกักตุนสินค้าของเราลองวางแผนการซื้อและวิธีวางจำหน่ายดีรับรองลูกค้าไม่หนี้จากร้านของท่านแน่นอน
3.พวกเขามีเป้าหมายที่แน่นอนลดไม่ได้ เพราะฉะนั้นการเสนอตัวเป็นพันธมิตรทางการค้า(merchant partners) เพื่อจุดประสงค์ขอซื้อสินค้าจากพวกเขาจึงเป็นประโยชน์ต่อร้านค้าของเราเป็นอย่างมากเพราะเราสามารถตั้งราคาที่เราต้องการ+กับจำนวนที่ต้องการให้กับพวกเขาทราบที่เหลือพวกเขาจะทำงานแทนเราเอง
4.ใช้พวกเขาทำหน้าที่จัดซื้อแทนคนของเรา จุดเด่นของพวกเขาคือสามารถต่อรองราคาได้มากตามความต้องการของเราอันนี้จงจำราคาที่เราเคยซื้อจากเขาไว้และทำการเสนอราคาที่ใกล้เคียงกันให้กับพวกเขารับรองได้ราคาที่ดีแน่นอน
สำหรับบทความนี้ขอจบแค่นี้ก่อนไว้บทความหน้าจะนำเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีกอื่นมาเขียนเพิ่มเติมให้ได้ติดตามกัน เพื่อประโยชน์ต่อการทำร้านค้าขายในชุมชนอีก เช่น วิธีจัดร้านจากรูปแบบร้านโชว์ห่วยกับร้านสะดวกซื้อ ,วิธีการตั้งราคาสินค้า,วิธีการสั่งซื้อสินค้าตลอดจนแนวทางการติดต่อกับผู้ผลิตสินค้า หรือ Supplier ผู้จัดจำหน่ายสินค้า
ค้นหาอาชีพในชุมชน: OK WORK DEE
Tag link OK WORK DEE:อาชีพในชุมชน : อาชีพเกษตรกรรม : อาชีพค้าขาย : อาชีพบริการ : อาชีพหัตถกรรม : อาชีพอุตสาหกรรม
ความสำคัญด้านอาชีพในสังคมชุมชน OK WORK DEE
ความสำคัญด้านอาชีพของคนในชุมชน อาชีพเป็นสิ่งที่คนในสังคมใช้เป็นวิธีหารายได้ให้กับตนและครอบครัวในการทำอาชีพของแต่ละคนนั้นขึ้นอยู่กับขีดความสามารถและทักษะด้านวิชาการรวมถึงความรักความชอบในอาชีพที่ทำนั้นๆด้วย การประกอบอาชีพก่อให้เกิดรายได้ส่วนต้นแล้วยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนประเทศชาติในทางอ้อมด้วยเช่นกัน กล่าวคือหากประชาชนคนในชุมชนใดมีการประกอบสัมมาอาชีพแล้วมีรายได้มากก็จะทำให้เศรษฐกิจในชุมชนนั้นเติบโต ทำให้ธุรกิจต่างๆขยายเข้าสู่ชุมชนอย่างมากด้วยเหตุที่คนในชุมชนมีรายได้สูงจึงส่งผลให้ธุรกิจต่างๆมองเห็นช่องทางและโอกาสในการลงทุนในชุมชนได้เพราะคนในชุมชนมีกำลังซื้อสูง จากการมีรายได้สูงของคนในชุมชนนั้นเอง เมื่อมีธุรกิจขยายตัวเข้าสู่ชุมชน ชุมชนก็จะมีรายได้จากการเก็บค่าทำเนียมฤชาต่างๆ เช่น ค่าทำเนียมการจดทะเบียน ค่าทำเนียมบริการด้านสาธารณูปโภค ภาษีต่างๆเป็นต้น เมื่อชุมชนมีรายได้มากขึ้นก็สามารถจัดงบเพื่อพัฒนางานด้านต่างให้มีความพร้อมสำหรับให้บริการคนในชุมชนรวมทั้งธุรกิจในชุมชนนั้นได้ดีมากขึ้นได้
หลักการการพิจารณาอาชีพที่เหมาะสมของแต่ละบุคคลดังนี้
1.ความรู้ความสามารถเกี่ยวกับพื้นฐานด้านอาชีพที่จะทำนั้นๆ
2.ความชอบในอาชีพที่จะทำ
3.พื้นฐานของรายได้รายจ่าย
4.ความสะดวกในการสัญจรเพื่อทำอาชีพได้
5.เป็นอาชีพที่สุจริตไม่ผิดกฎหมาย
หน้าค้นหาอาชีพในชุมชน: OK WORK DEE
Tag link OK WORK DEE:อาชีพในชุมชน : อาชีพเกษตรกรรม : อาชีพค้าขาย : อาชีพบริการ : อาชีพหัตถกรรม : อาชีพอุตสาหกรรม
วันพฤหัสบดีที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ค้าขายอาชีพในชุมชน OK WORK DEE
ค้าขายอาชีพในชุมชน
อย่างที่ทราบกันดีในชุมชนมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ความต้องการก็ย่อมมากตามไปด้วยสิ่งหนึ่งที่ต้องการกันมากในชุมชนคือการบริโภคดั้งนั้นอาชีพค้าขายในชุมชนจึงมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วยนำเสนอและตอบสนองความต้องการๆบริโภคของคนในชุมชนได้ดี หากใคร่คิดจะทำอาชีพในชุมชนก็ต้องบอกว่า อาชีพค้าขาย เป็นอาชีพที่เริ่มได้ง่ายที่สุดในชุมชน ไม่ว่าคุณต้องการขายอะไรก็ตามลองเริ่มต้นขายในชุมชนดูก่อนๆที่จะตัดสินใจนำสินค้าออกสู่ตลาดภายนอก คุณสามารถที่จะใชชุมชนเป็นบททดสอบผลิตภัณฑ์หรือสินค้าดูก่อน ทั้งเรื่องคุณภาพและเรื่องการทำตลาดข้อดีของการทำการค้าขายในชุมชนคือคุณสามารถตรวจสอบความพึ่งพอใจของลูกค้าที่ใช้บริการหรือผลิตภัณฑ์นั้นได้ง่ายด้วยเหตุที่คุณรู้จักคนในชุมชนนั้นๆดีอยู่แล้ว การที่คุณจะติดตามผลก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกทั้งมีข้อผิดพลาดหรือร้องเรียนใดก็สามารถแก้ไขปรับปรุงได้ทันที่และเมื่อคุณพร้อมจึงค่อยตัดสินใจนำสินค้าของคุณออกสู่ตลาดภายนอก ก็จะทำให้คุณมีโอกาศประสบความสำเร็จมากขึ้น อาชีพค้าขายในชุมชนมและที่เกี่ยวกับอาชีพในชุมชนนั้นมีมากมายเดี่ยวจะทยอยนำเสนอไปเรื่อยๆ ผ่านอาชีพค้าขายอาชีพในชุมชน OK WORK DEEเรื่องที่คุณอาจสนใจในบล็อก OK WORK DEE: อาชีพในชุมชน : ค้าขาย :
บทความอื่นที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย:อาชีพค้าขายในชุมชน
อาชีพในชุมชน
อาชีพของคนในสังคมชุมชนต่างๆล้วนแต่มีความหลากหลายทางการทำอาชีพต่างๆ อาชีพที่มีความน่าสนใจสำหรับการทำอาชีพในชุมชน ได้แก่ อาชีพการทำเกษรกรรม อาชีพในการค้าขาย อาชีพที่ให้บริการชุมชน อาชีพหัตกรรมของชุมชน อาชีพอุตสาหกรรมชุมชน เป็นต้น ความน่าสนใจของการทำอาชีพในชุมชนอยู่ที่จำนวนประชากรในพื้นที่ชุมชนจะมีจำนวนมากและมีความแตกต่างกันไปบ้างก็ชอบใช้บริการในอาชีพที่ให้บริการบ้างก็ชอบซื้อหาสินค้าในร้านค้าขายชุมชนบ้างก็ชอบลงทุนทำอาชีพอุตสาหกรรมซึ่งเกิดความแตกต่างทางด้านความต้องการจึงก็ให้เกิดอาชีพเพื่อตอบสนองความต้องการของคนในชุมชนขึ้นไว้คอยบริการมากมาย ความสำคัญทางด้านอาชีพในชุมชน ได้แก่
อาชีพในชุมชน tag link : OK WORK DEE :
- อาชีพค้าขายร้านค้าชุมชน ร้านค้าชุมชนถือเป็นร้าค้าขายที่สำคัญสำหรับคนในชุมชน จะซื้อจะหาสินค้าก็ต้องเดินมาที่ร้านค้าในชุมชน หากร้านค้าในชุมชนมีการปฎิบัติและปรับปรุงร้านให้ทันสมัยเหมือนร้านค้าปลีกสมัยใหม่บ้างรับรองได้ว่าอาชีพค้าขายอย่างร้านโชว์ห่วยของชุมชนไม่มีวันที่จะดับสูญไปจากสังคมชุมชนแน่นอน อาชีพในชุมชนมีความได้เปรียบร้าค้าสมัยใหม่อยู่ร้านอย่างเช่นความเป็นเพื่อนเป็นญาติเปรียบเสมือนพี่น้องเพราะฉะนั้นความไว้วางใจที่จะซื้อหาสินค้าในชุมชนนั้นจึงไม่ยากเพียงแต่ผู้ที่ทำอาชีพเปิดร้านค้าในชุมชนต้องสนใจและใส่ใจในความต้องการของคนในชุมชนใหมากขึ้นว่าคนในชุมชนต้องการอะไรก็หามาใส่ไว้ในร้านก็เท่านั้นและอีกอย่างคือความสะดวกสบายในการเดินทางในชุมชนไม่ต้องเดินทางมากในการที่จะเลือกซื้อหาสินค้าจึงทำให้ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมากนี้เป็นเพียงเหตุผลบางข้อที่น่าจะสนับสนุนคนที่มีความคิดอยากเปิดร้าค้าขายในชุมชนได้
- อาชีพให้บริการในชุมชน หรือร้านบริการต่างๆในชุมชนนั้นถือเป้นอาชีพในชุมชนที่น่าลงทุนเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุที่ในชุมชนมีคนมากย่อมมีความต้องการบริการมากเช่นกันตัวอย่างเช่น ต้องการร้านซักรีดหากมีร้านซักรีดในชุมชนก็จะตอบสนองความต้องการใช้บริการของชุมชนได้แม้แต่ร้านรับซ่อมเครื่องยนต์ทางการเกษตรก็เช่นกันในชุมชนมีผู้ทำอาชีพเกษตรกรรมอยู่ไม่น้อยเครื่องไม้เครื่องมือทางเกษตรก็ต้องใช้มากเช่นกันหากในชุมชนมีร้านรับซ่อมเครื่องมือการเกษตรก็จะเป็นการบริการชุมชนในอีกรูปแบบเช่นกัน
- อาชีพในด้าเกษตรกรรม การเพาะปลูกอาชีพเกษตรกรในชุมชนถือได้ว่าเป็นอาชีพหลักในชุมชนด้วยเหตุผลที่คนทุกคนล้วนแต่มีความต้องบริโภคสินค้าทางการเกษตรกันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น ข้าวพืชผัก และเน้ืสัตว์หรือปลาทุกคนในชุมชนหลีกหนี้ไม่พ้นที่จะต้องจับจ่ายกับสินค้าประเภทนี้อย่างเสมอดั้งนั้นคงไม่แปลกอะไรหากคนส่วนใหญ่ในชุมชนจะทำอาชีพเกษตรกรรม
- อาชีพหัตกรรมของชุมชน เป็นอาชีพในชุมชนที่สร้างชื่อเสียงให้กับชุมชนในการอวดสรรคุณทางวัตถุดิบชุมชนและภูมิปัญยาของคนในชุมชน ผลิตภัณฑ์ในชุมชนที่ถูกผลิตออกมาเป็นสินค้าของชุมชนจะเป็นอัตลักษณ์ขของชุมชนนั้นๆสร้างความภาคภูมิในกับคนในชุมชนที่บอกอัตลักษณ์ของชุมชนผ่านหัตถกรรมชุมชนได้
- อาชีพอุตสาหกรรมในชุมชน ถือเป็นอาชีพที่จะช่วยพัฒนาและนำความเจริญรุ่งเรื่องสู่ชุมชนชนได้เป็นอย่างดีหากองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐให้การสนับสนุนให้เกิดอุตหกรรมในชุมชนให้มากก็น่าจะแก้ปัญทางสังคมได้ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นการทิ้งถิ่นฐานเพื่อหางานทำหรือการทิ้งครอบครัวก็ตามหากชุมชนมีอุตหกรรมในชุมชนมากก็จะสร้างสมดุลทางด้านการค้าขายและแหล่งการทำงานได้อย่างสมบูรณ์ การค้าขายผ่านผลิตภัณฑ์ในชุมชนคือการนำมาซึ่งรายได้ของชุมชน แหล่งงานจะเกิดขึ้นตามอุตสาหกรรมในชุมชนซึ่งเราเรียกว่าแหล่งงานในชุมชน ดีกว่าไม่ที่เราจะหันมาสนับสนุนกันอย่างจริงจังเสียที่ จะได้ลดปัญหาในสังคมและชุมชนลงได้
อาชีพในชุมชน : อาชีพเกษตรกรรม : อาชีพค้าขาย : อาชีพบริการ : อาชีพหัตถกรรม : อาชีพอุตสาหกรรม
อาชีพในชุมชน tag link : OK WORK DEE :
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)