1.กลับสู่รากเหง่าเพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลกำไร จากเดิมการเกษตรเราทำกันแบบธรรมชาติอาศัยระบบของธรรมชาติในการผลิตและป้องกันผลผลิต กล่าวคือ
1.1.ใช้แรงงานสัตว์(ควาย,วัว)ในการพลิกพื้นดินเพื่อทำการเกษตร
1.2.ใช้วิธีการเลี้ยงปล่อยสัตว์น้ำ(ปลา,กบ,เขียด) เพื่อกำจัดศัตรูพืชอย่างเพลี้ยและแมลง
1.3.ปลูกพืชตระกูลสะเดา ตะโก มะขาม มะกรูด เพื่อป้องกันเพลี้ยบางประเภทแถมเป็นรายได้เสริมได้เป็นอย่างดีจากการเก็บผลผลิตจำหน่าย
1.4.จัดกลุ่มแปรรูปเพื่อจำหน่ายสินค้าตรงให้กับผู้บริโภคโดยตรง โดยการอาศัย Social media ในการประกาศขายสินค้า
1.5.จัดทำการตลาดแบบแบ่งปั้นเพื่อเพิ่มฐานผู้สนใจหารายได้เสริมช่วยทำตลาด(ขาย)ให้เรา
นี้คือ 5 หลักการสำหรับการทำเกษตรในชุมชนให้มีกำไรและกำหนดราคาเองได้ หลายคนอาจกังวนเดียวลองดูหลักการแนวคิดของนายทุนที่ผู้เขียนทำงานอยู่ด้วยว่าเขาคิดอย่างไร
*เขาไม่สนจำนวนที่จะขาย แต่ เขาสนใจว่ามันจะขายได้เท่าไร
*เขาไม่สนใจว่าขายได้มากเท่าไร แต่ เขาสนใจว่าขายแล้วได้กำไรเท่าไร
*เขาไม่สนใจว่าจะมีสินค้าขายหรือไม่ แต่ เขาสนใจใครจะซื้ออะไร
*เขาไม่สนใจว่าจะมีลูกค้าซื้อเขาหรือไม่ แต่ เขาสนใจว่าสินค้าขายไม่ได้แล้วมูลค่าจะเหลือเท่าไร
แหละนี้คือ 4 ข้อที่พวกเราได้ยินจากคำพูดเขาแทบทุกวัน เพราะฉะนั้นลองดูหากเราจะปรับเปลี่ยนวิธีของเราเกี่ยวกับการเกษตรโดยหลักการที่อยากให้คิดกันก็คือ พยามคิดวิธีที่จะสลัดพ่อค้าคนกลางออกจจากวงจรสินค้าให้ได้สินค้าก็จะมีราคาสูงขึ้นเองโดยธรรมชาติ จากประสบการผู้เขียนเคยเจอปัญหาราคาสินค้าตกต่ำจนถึงขั้นขาดทุน ผู้เขียนได้รับคำแนะนำจากผู้รู้เลยลองตัดพ่อค้าคนกลางออกโดยการไม่ปล่อยให้สินค้าไปตกอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนราคาสินค้ากลับมามีราคาสูงขึ้นหลังจากนั้นผู้เขียนไม่เคยปล่อยให้สินค้าอยู่ในมือพ่อค้าคนกลางอีกเลยแต่หันมาหาสมาชิกร่วมค้าขายในรายเล็กๆแทน ทุกวันราคาสินค้าดีมีการปรับขึ้นลงอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นอยากให้ลองใช้กันดูโดยเริ่มจากการแบ่งผลผลิตออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่1.ขายให้กับพ่อค้าคนกลางเหมือนเดิม ส่วนที่2.นำมาแปรรูปและวางจำหน่ายกันเองโดยการร่วมกลุ่มกัน หากตั้งใจแล้วมีปัญหาสามารถติดต่อสอบถามมาที่ผู้เขียนยินดีเป็นผู้ช่วยให้กับทุกคน
ท้ายนี้เรื่องอยากฝากสำหรับผู้ทำอาชีพเกษตรกรรม
1.ต้นทุน อย่าได้ลงทุนกับต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร เช่น เครื่องจักร ,ยากำจัดศัตรูพืช, ปุ๋ย,และสารเคมีทุกชนิด เพราะสิ่งเหล่านี้อาจให้ผลผลิตที่สูงขึ้นบ้างก็จริงแต่ไม่มีหลักประกันว่าสามารถทำให้คุณมีกำไรเพิ่มได้เลย
2.การทำการผลิต ต้องแบ่งเป็น 2เรื่อง 1.ผลผลิตเพื่อรายจ่ายประจำวัน 2.ผลผลิตเพื่อเป็นเงินเก็บออม
3.อย่ามุ่งเน้นปริมาณ ให้มุ่งเน้นคุณภาพแทน เพราะหากผลผลิตออกมาได้มากก็จะเป็นข้ออ้างให้พ่อค้าคนกลางกดราคา ดังนั้นต้องเรียนรู้การปล่อยผลผลิตเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นระบบและเรากำหนดได้
4.แปรรูป สำคัญมากการตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมในชุมชนเพื่อแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าและเป็นการลดปริมาณเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านราคา ยกตัวอย่าง หากมีสินค้า 10 ชิ้น มีคนต้องการแค่ 3 คนก็ย่อมทำให้ราคาสินค้ามีราคาถูก แต่หากกลับกัน สินค้ามี 3ชิ้น แต่มีคนต้องการ 10 คน ราคาย่อมสูงขึ้นแน่นอน ( ทางการค้าเรียกว่า Demand and Supply )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น