วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

อาชีพเกษตรกรรม อาชีพในชุมชน OK WORK DEE

อาชีพในชุมชน-OK WORK DEE บทความเกี่ยวกับ อาชีพเกษตร หรือ การทำอาชีพเกษตรกรรม ถือเป็นอาชีพที่มีความสำคัญสำหรับประเทศชาติและประชาชนเป็นอย่างมาก สินค้าทางการเกษตรคือวัตถุดิบหลักที่สำคัญที่ก่อให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนในชาติ จะว่าไปแล้วการทำการเกษตรถือหัวใจของทุกอาชีพก็ว่าได้สำหรับประเทศของเราๆลองนึกดูว่าหากไม่มีผลิตภัณฑ์จากการเกษตรเราจะทำอาชีพอะไรได้บ้าง ผู้เขียนก็ยังนึกไม่ออกว่าประเทศของเราจะมีอาชีพอะไรให้ทำกันก็คงเหลือแต่อาชีพเดียวที่น่าจะทำได้คืออาชีพที่รอเป็นลูกจ้างให้นายทุนจากต่างชาติมาลงทุนแล้วเราก็ไปเป็นลูกจ้างของเขาก็เท่านั้น แต่การที่นายทุนเขาจะมาลงทุนนั้นต้องหมายความว่าเขาได้ผลประโยชน์หรือผลกำไรเท่านั้นที่เขาถึงจะสนใจมาลงทุนในบ้านเรา เพราะฉะนั้นก็หมายความว่าหน่วยงานของรัฐต้องเสนอผลประโยชน์ให้เขามากหมายเพื่อดึงให้เขาเข้ามาลงทุน จะว่าไปแล้วก็แปลกดีที่ประเทศของเราอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและภูมิปัญญาทางการเกษตรมากมายสามารถผลิตพืชผลทางการเกษตรได้หลากหลายแต่กลับไม่มีการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจังส่วนมากที่มีก็เป็นแบบรูปหน้าปะจมูกเสียมากขาดรูปธรรมหรืออาจจะมีหรือเปล่าก็ไม่รู้แต่เท่าที่ทราบผู้เขียนยังมองไม่เห็นเลยว่ามีอะไรที่เป็นรูปธรรมจริงๆจังๆ เคยมีคนบอกกับผู้เขียนเหมือนกันว่าหากรัฐจะทำในเรื่องต่อไปนี้เป็นการแข่งขันกับภาคเอกชนไม่เหมาะสมที่จะทำ ผู้เขียนก็เลยถามต่อว่าประชาชนคนไทยเป็นของประเทศไทย หรือเป็นของนายทุนถึงได้มีความคิดกันแบบนี้ ลองมองย้อนกลับไปที่ประเทศที่ถูกมองว่าเป็นประเทศไม่มีการพัฒนาไม่มีเสรีภาพดูบ้างตอนนี้เขาอยู่ในฐานะไหนกันแล้ว ทำไมไม่มองถึงประชาชนเป็นตัวตั้ง วันนี้สินค้าเกษตรอย่างยางพารามีปัญหาทำไม่มีคิดที่จะสร้างศูนย์แปรรูปยางแบบครบวงจรโดยภาครัฐบ้าง คิดให้ใหญ่ คิดให้ไกล ถึงขนาดการเป็นเอเย่นรายใหญ่ในรับซื้อสินค้าเกษตรอย่างยางกันไปเลย แล้วนำเอามันมาแปรรูปต่างๆส่งกลับไปขายในประเทศต่างๆกัน ให้เขาได้รับรู้บ้างว่ารัฐไทยก็มีศักยภาพที่จะแข่งขันอะไรกับเขาได้บ้างเหมือนกัน ผู้เขียนลองคิดดูว่าการลงทุนทำศูนย์แปรรูปยางครบวงจรมีงบประมาณสัก 1ล้านล้านบาท รัฐกู้เงินมาลงทุนเป็นของรัฐเป็นของประเทศเองใช้หนี้คืนก็คงไม่ถึง 20 ปีน้อยกว่าการกู้เงินซื้อบ้านของผู้เขียนเสียอีก หากเราทำเราเป็นผู้กำหนดราคาเองไม่ดีตรงไหน โลกสมัยเปลี่ยนไปยางมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆแต่กลับมีราคาถูกลงทุกวันเพราะนายทุนเป็นคนกำหนดราคา แล้วใครได้ผลประโยชน์ลองคิดกันดูบ้าง นี้เป็นเพียงสินค้าทางการเกษตร 1 อย่างเท่านั้น ยังมีสินค้าที่สามารถทำได้เป็นร้อยเป็นพันเรื่องแต่จะว่าไปแล้วมันก็ยากที่จะทำช่างเหอะขอพักไว้ก่อน เราไปดูเรื่องที่เกี่ยวกับอาชีพเกษตรกันดีกว่าว่ามีอะไรที่สำคัญบ้าง เอาละว่ากันนอกเรื่องมามากผู้เขียนมองว่าไม่ต้องรอคอยความหวังจากใคร่มาช่วยเราลองหันมาพึ่งพากันในชุมชนอาศัยสถิปัญญาที่มีในชุมชนบวกกับภูมิปัญญาอันปราถเปรื่องของบรรพบุรุษมาใช้แก้วิกฤตปัญหาราคาสินค้าการเกษตรกันดูว่ามีใคร่ที่จะเห็นด้วยกับผู้เขียนบ้าง
1.กลับสู่รากเหง่าเพื่อลดต้นทุนเพิ่มผลกำไร จากเดิมการเกษตรเราทำกันแบบธรรมชาติอาศัยระบบของธรรมชาติในการผลิตและป้องกันผลผลิต กล่าวคือ
1.1.ใช้แรงงานสัตว์(ควาย,วัว)ในการพลิกพื้นดินเพื่อทำการเกษตร
1.2.ใช้วิธีการเลี้ยงปล่อยสัตว์น้ำ(ปลา,กบ,เขียด) เพื่อกำจัดศัตรูพืชอย่างเพลี้ยและแมลง
1.3.ปลูกพืชตระกูลสะเดา ตะโก มะขาม มะกรูด เพื่อป้องกันเพลี้ยบางประเภทแถมเป็นรายได้เสริมได้เป็นอย่างดีจากการเก็บผลผลิตจำหน่าย
1.4.จัดกลุ่มแปรรูปเพื่อจำหน่ายสินค้าตรงให้กับผู้บริโภคโดยตรง โดยการอาศัย Social media ในการประกาศขายสินค้า
1.5.จัดทำการตลาดแบบแบ่งปั้นเพื่อเพิ่มฐานผู้สนใจหารายได้เสริมช่วยทำตลาด(ขาย)ให้เรา
นี้คือ 5 หลักการสำหรับการทำเกษตรในชุมชนให้มีกำไรและกำหนดราคาเองได้ หลายคนอาจกังวนเดียวลองดูหลักการแนวคิดของนายทุนที่ผู้เขียนทำงานอยู่ด้วยว่าเขาคิดอย่างไร
*เขาไม่สนจำนวนที่จะขาย แต่ เขาสนใจว่ามันจะขายได้เท่าไร
*เขาไม่สนใจว่าขายได้มากเท่าไร แต่ เขาสนใจว่าขายแล้วได้กำไรเท่าไร
*เขาไม่สนใจว่าจะมีสินค้าขายหรือไม่ แต่ เขาสนใจใครจะซื้ออะไร
*เขาไม่สนใจว่าจะมีลูกค้าซื้อเขาหรือไม่ แต่ เขาสนใจว่าสินค้าขายไม่ได้แล้วมูลค่าจะเหลือเท่าไร
แหละนี้คือ 4 ข้อที่พวกเราได้ยินจากคำพูดเขาแทบทุกวัน เพราะฉะนั้นลองดูหากเราจะปรับเปลี่ยนวิธีของเราเกี่ยวกับการเกษตรโดยหลักการที่อยากให้คิดกันก็คือ พยามคิดวิธีที่จะสลัดพ่อค้าคนกลางออกจจากวงจรสินค้าให้ได้สินค้าก็จะมีราคาสูงขึ้นเองโดยธรรมชาติ จากประสบการผู้เขียนเคยเจอปัญหาราคาสินค้าตกต่ำจนถึงขั้นขาดทุน ผู้เขียนได้รับคำแนะนำจากผู้รู้เลยลองตัดพ่อค้าคนกลางออกโดยการไม่ปล่อยให้สินค้าไปตกอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนราคาสินค้ากลับมามีราคาสูงขึ้นหลังจากนั้นผู้เขียนไม่เคยปล่อยให้สินค้าอยู่ในมือพ่อค้าคนกลางอีกเลยแต่หันมาหาสมาชิกร่วมค้าขายในรายเล็กๆแทน ทุกวันราคาสินค้าดีมีการปรับขึ้นลงอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นอยากให้ลองใช้กันดูโดยเริ่มจากการแบ่งผลผลิตออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่1.ขายให้กับพ่อค้าคนกลางเหมือนเดิม  ส่วนที่2.นำมาแปรรูปและวางจำหน่ายกันเองโดยการร่วมกลุ่มกัน หากตั้งใจแล้วมีปัญหาสามารถติดต่อสอบถามมาที่ผู้เขียนยินดีเป็นผู้ช่วยให้กับทุกคน
ท้ายนี้เรื่องอยากฝากสำหรับผู้ทำอาชีพเกษตรกรรม
1.ต้นทุน อย่าได้ลงทุนกับต้นทุนที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร เช่น เครื่องจักร ,ยากำจัดศัตรูพืช, ปุ๋ย,และสารเคมีทุกชนิด เพราะสิ่งเหล่านี้อาจให้ผลผลิตที่สูงขึ้นบ้างก็จริงแต่ไม่มีหลักประกันว่าสามารถทำให้คุณมีกำไรเพิ่มได้เลย
2.การทำการผลิต ต้องแบ่งเป็น 2เรื่อง 1.ผลผลิตเพื่อรายจ่ายประจำวัน  2.ผลผลิตเพื่อเป็นเงินเก็บออม
3.อย่ามุ่งเน้นปริมาณ ให้มุ่งเน้นคุณภาพแทน เพราะหากผลผลิตออกมาได้มากก็จะเป็นข้ออ้างให้พ่อค้าคนกลางกดราคา ดังนั้นต้องเรียนรู้การปล่อยผลผลิตเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นระบบและเรากำหนดได้
4.แปรรูป สำคัญมากการตั้งกลุ่มอุตสาหกรรมในชุมชนเพื่อแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าและเป็นการลดปริมาณเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านราคา ยกตัวอย่าง หากมีสินค้า 10 ชิ้น มีคนต้องการแค่ 3 คนก็ย่อมทำให้ราคาสินค้ามีราคาถูก แต่หากกลับกัน สินค้ามี 3ชิ้น แต่มีคนต้องการ 10 คน ราคาย่อมสูงขึ้นแน่นอน ( ทางการค้าเรียกว่า Demand and Supply )







หน้าค้นหาอาชีพในชุมชน: OK WORK DEE

Tag link OK WORK DEE:อาชีพในชุมชน : อาชีพเกษตรกรรม : อาชีพค้าขาย : อาชีพบริการ : อาชีพหัตถกรรม : อาชีพอุตสาหกรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น